เมนู

ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
เพราะไม่ถือมั่นสิ่งนั้น จะพึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนี้ว่า ทานไม่มีผล
การบูชาไม่มีผล ฯลฯ เพราะกายสลาย ทั้งพาลทั้งบัณฑิตย่อมขาดสูญ
พินาศสิ้น หลังจากตายไป ย่อมไม่มี ใช่ไหม ?
ภิ. ไม่พึงเกิดทิฏฐิขึ้นอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล อริยสาวกละความสงสัย
ในฐานะ 6 เหล่านี้ ชื่อว่าเป็นอันละความสงสัยแม้ในทุกข์ แม้ใน
ทุกขสมุทัย แม้ในทุกขนิโรธ แม้ในทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา เมื่อนั้น
อริยสาวกนี้เราตถาคตเรียกว่า เป็นพระโสดาบัน มีความไม่ตกต่ำ
เป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
จบ นัตถิทินนสูตร

อรรถกถานัตถิทินนสูตรที่ 5



ในบทว่า นตถิ ทินฺนํ เป็นต้น มีอธิบายดังต่อไปนี้ :-
ด้วยบทว่า นตฺถิ ทินฺนํ บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหลายกล่าว
หมายถึงว่า ทานที่ให้แล้วไม่มีผล.
การบูชาใหญ่ เรียกว่า ยิฏฐะ. ในบทว่า หุตํ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
ประสงค์เอาลาภพักการะมาก. บุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งหลาย ปฏิเสธ
บุญกรรมทั้งสองอย่างนั้น โดยหมายเอาว่า. ไม่มีผลเลย.
บทว่า สุกฏทุกฺกฏานํ ได้แก่ แห่งกรรมที่ทำดีและทำชั่ว อธิบาย
ว่า แห่งกุศลกรรม และอกุศลกรรมทั้งหลาย.